วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

มิโด เปิดตัว บารอนเชลลี่ คาลิเบอร์ 80 โครโนมิเตอร์ เอสไอ

มิโด เปิดตัว บารอนเชลลี่ คาลิเบอร์ 80 โครโนมิเตอร์  เอสไอ
“มิโด” (Mido) แบรนด์นาฬิกาคุณภาพจากสวิตเซอร์แลนด์ ฉลองครบรอบ 40 ปีของคอลเลคชั่น แนะนำนาฬิกาใหม่ล่าสุด “บารอนเชลลี่ คาลิเบอร์ 80 โครโนมิเตอร์  เอสไอ” นาฬิกาที่มีองค์รวมระหว่างขนบธรรมเนียมแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาและเทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้วยการใช้ซิลิคอนบาลานซ์สปริงในตัวเครื่องรุ่นเรือธงเพื่อความเป็นเลิศ ซิลิคอนบาลานซ์สปริงเป็นนวัตกรรมสำคัญของวงการนาฬิกา สามารถทนทานต่อสนามแม่เหล็กและการสั่นสะเทือนได้ดีกว่าจึงทำให้ความเที่ยงตรงระยะยาวสูงกว่าบาลานซ์สปริงแบบปกติ กำลังลานสำรองนานถึง 80 ชั่วโมง นอกเหนือจากความเหนือชั้นทางด้านเทคนิคแล้ว นาฬิการุ่นนี้ยังมีเส้นสายที่กลมกลืนและบริสุทธิ์อันเป็นคุณสมบัติประจำตัวคอลเลคชั่น Baroncelli มานานถึง 40 ปี
“บารอนเชลลี่ คาลิเบอร์ 80 โครโนมิเตอร์  เอสไอ” ใส่รูปลักษณ์ที่สง่างามเอาใจนักสะสมด้วยดีไซน์แบบนีโอคลาสสิก ซึ่งได้อิทธิพลบาร็อคของแกลเลอเรียวิตตอริโอเอ็มมานูแอล 2 แห่งกรุงมิลานเป็นตัวแทนของความละเมียดละไมของสถาปัตยกรรมอิตาเลียนได้เป็นอย่างดี เส้นสายที่โค้งมนด้วยความบรรจงของอาคารอันทรงเกียรตินี้เองได้ส่งให้ Mido เกิดแรงบันดาลใจที่จะออกแบบ Baroncelli ให้เป็นเรือนเวลาสุดสง่าเหนือกาลเวลา ด้วยตัวเรือนทรงกลมขนาด 40 มม. ผลิตจากสเตนเลสสตีล 316L ขัดเงา หน้าปัดแล็คกอร์สีขาวขัดเงาดูสง่างาม หลักชั่วโมงแบบผนึกติดสีดำขัดเงา เข็มนาทีและเข็มชั่วโมงเล่นเอฟเฟกต์สองด้าน (พ่นทรายด้านหนึ่ง ไดมอนด์คัทด้านหนึ่ง) ตัดกับหน้าปัดสีขาวซึ่งมีวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาอย่างน่าชม ใต้แซฟไฟร์คริสตอลที่มีการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนทั้งด้านในและด้านนอก
“มิโด” ต้องการให้นาฬิการุ่นนี้เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าคนรักนาฬิกาด้วยการใส่ใจส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างขนบธรรมเนียมแห่งการประดิษฐ์นาฬิกาและเทคโนโลยีสมัยใหม่ นี่คือโอกาสที่จะได้ชื่นชมงานขัดแต่งเครื่องระดับโครโนมิเตอร์ที่สวยงาม มีการใช้สกรูว์สีฟ้าและโรเตอร์ขึ้นลานขัดลายเจนีวาสไตรปส์และแกะสลักเป็นโลโก้ Mido ผ่านทางฝาหลังใสที่มีแซฟไฟร์คริสตอล นาฬิการุ่นนี้กันน้ำได้ถึงระดับ 3 บาร์ (30 เมตร / 100 ฟุต) สวมใส่ด้วยสายสเตนเลสสตีล 316L ขัดเงาพร้อมบานพับ
สัมผัสนาฬิกามากด้วยประสิทธิภาพความเที่ยงตรงจาก “มิโด” รุ่น “บารอนเชลลี่ คาลิเบอร์ 80 โครโนมิเตอร์  เอสไอ” โดยจำหน่ายแล้ว ในราคา 42,100 บาท

ผู้ป่วยโรคไต ควรทานเครื่องปรุงโซเดียมต่ำหรือไม่?

ผู้ป่วยโรคไต ควรทานเครื่องปรุงโซเดียมต่ำหรือไม่?
เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ป่วยต้องจำกัดอาหารประเภทโซเดียม หรือเกลือ และอาหาร/เครื่องปรุงที่มีรสเค็ม เมื่อมีผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ เลยอาจเข้าใจว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตที่ต้องควบคุมปริมาณโซเดียม
แต่แท้ที่จริงแล้ว เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตจริงหรือไม่ ไปหาคำตอบกันค่ะ

เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ ดีอย่างไร?
เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ ผลิตออกมาเพื่อเอาใจคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ ที่สามารถเลือกปรุงอาหารด้วยน้ำปลา ให้ได้รสได้กลิ่นใกล้เคียงน้ำปลาเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เพิ่มเติมตามไปด้วยเหมือนเดิม คือปริมาณโซเดียม ที่เป็นสาเหตุของโรคหลายๆ อย่าง รวมไปถึงโรคไต และความดันโลหิตสูง

เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต?
แม้ว่าเครื่องปรุงโซเดียมต่ำจะดีต่อสุขภาพของคนทั่วไป แต่สำหรับผู้ป่วยโรคไตแล้ว ยังควรเป็นสิ่งต้องห้าม เพราะแม้ว่าจะมีโซเดียมต่ำ แต่ดันถูกแทนที่ด้วยโพแทสเซียมคลอไรด์ ที่เป็นเกลือที่ให้รสเค็มเหมือนกัน ซึ่งเกลือโพแทสเซียมคลอไรด์ก็ไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไต เพราะไม่ว่าอย่างไรไตยังคงต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดโพแทสเซียมคลอไรด์ออกไปจากร่างกายอีกอยู่ดี
แต่ปัจจุบันมีผู้ผลิตบางรายที่ทำการผลิตน้ำปลาโซเดียมต่ำ ด้วยการดึงเอาโซเดียมออกมาจากน้ำปลาโดยวิธีแยกสารผ่านเยื่อด้วยไฟฟ้า ไม่ได้มีการทดแทนความเค็มด้วยเกลือโพแทสเซียม ดังนั้นหากอยากลองน้ำปลาโซเดียมต่ำ อาจจะต้องสังเกตข้างขวดว่าผ่านกรรมวิธีลดโซเดียมอย่างไร หรือมีส่วนผสมของโพแทสเซียมสูงหรือไม่

soy-sauce.jpg
เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ เหมาะกับใคร?
แน่นอนว่านอกจากคนสุขภาพปกติที่อยากจำกัดปริมาณการทานโซเดียมในมื้ออาหารแต่ละมื้อแล้ว คนที่สามารถทานเครื่องปรุงชนิดนี้ได้ คือผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง เพราะความดันสูงมีโซเดียมเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโพแทสเซียมแต่อย่างใด
แต่บางกรณีที่ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ที่มีสาเหตุมาจากความบกพร่องในการทำงานของไต ที่ไตไม่สามารถขับโซเดียมที่เกินความจำเป็นออกจากร่างกายได้ จนโซเดียมสะสมร่างกายมากเกินไปจนเป็นสาเหตุของอาการความดันโลหิตสูง อันนี้ต้องปรึกษาแพทย์เช่นกัน เพราะปริมาณโพแทสเซียมในเครื่องปรุงโซเดียมต่ำอาจทำให้ไตทำงานหนักมากกว่าเดิม

โพแทสเซียมในร่างกายสูง อันตรายอย่างไร?
ในกรณีที่ไตทำงานบกพร่อง ไม่สามารถขับโพแทสเซียมที่เกินความจำเป็นออกจากร่างกายได้ อาจทำให้เกิดการคั่งของโพแทสเซียมในร่างกาย มีอาการชาบริเวณขาแขน ในกรณีที่มีอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ อาจมีอาการซึมเศร้า จิตใจสับสน ตัวซีด ตัวเย็น ความดันเลือดลดลงอย่างมาก เป็นอัมพาต หัวใจเต้นผิดจังหวะ จนหัวใจหยุดเต้น จนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
fish-sauce.jpg
โซเดียม ไม่ได้มีแค่ในเครื่องปรุง
อาหารประเภทอื่นๆ ก็มีจำนวนโซเดียมอยู่เหมือนกัน เช่น ไข่ไก่ หรือนมสด ที่เรารณรงค์กันให้ลดการปรุงอาหารรสชาติเข้มข้นแซ่บจิ๊ด เพราะในอาหารปกติเองก็มีโซเดียมตามธรรมชาติอยู่จำนวนหนึ่งนั่น การปรุงอาหารรสจัดจึงยิ่งเป็นการเพิ่มปริมาณโซเดียมในอาหารแต่ละมื้อมากขึ้น

อาหารที่ผู้ป่วยโรคไตควรระวัง
อาหารที่มีปริมาณโซเดียม และโพแทสเซียมสูงทั้งหมด ทั้งน้ำปลา เกลือแกง เครื่องปรุงรส ซอสปรุงรสต่างๆ ซอสสุกี้ กะปิ อาหารหมักดอง ไข่เค็ม ปลาเค็ม ขนมถุงที่ใส่เกลือ และเครื่องปรุงรสมากๆ อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง ได้แก่ ผักใบเขียว กล้วย ส้ม มะละกอ ขนุน มะเขือเทศ แคนตาลูป ทุเรียน มะขาม และผลไม้แห้งทุกชนิด
นอกจากนี้ยังต้องควบคุมการทานอาหารที่มีฟอสฟอรัส เช่น รำข้าว เนยแข็ง ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากนม ไข่ปลา ไข่แดง กุ้ง ปู และจำกัดอาหารประเภทโปรตีนไม่ให้มากเกินไป เพื่อลดภาระการทำงานหนักของไตอีกด้วย

หากไม่แน่ใจว่ากำลังทานอาหารที่เหมาะสมกับสุขภาพของตัวเองอยู่หรือไม่ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ประจำตัว หรือนักโภชนาการ เพื่อความมั่นใจจะดีกว่าค่ะ เพราะสุขภาพที่ดี เริ่มต้นจากการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ และเหมาะสมกับสภาพร่างกายของเรานะคะ
ขอขอบคุณ
ข้อมูล : Go To Know Bumrungrad Hospital

เทคนิคเพิ่มความจำมือถือฉบับถอนรากถอนโคน

เทคนิคเพิ่มความจำมือถือฉบับถอนรากถอนโคน
สำหรับคนใช้งาน Smart Phone เรื่องความจำในตัวแม้ว่าบางรุ่นจะเพิ่มความจำได้ แต่ก็มีน้อยรุ่นที่ยังมีปัญหาเรื่องความจำที่ใกล้เต็มเสมอ แล้วจะจัดการอย่างไร วันนี้ทีมงาน Sanook! Hitech มีคำแนะนำง่าย ๆ เกี่ยวกับการเพิ่มความจำมือถือมาฝากคุณให้ลองปรับใช้ดู มีอะไรบ้างนั้นมาดูกันดีกว่า
อย่าไปกลัวที่จัดเก็บแบบ Cloud Storage
เชื่อว่าบางคนในที่นี้กลัวเรื่องระบบการจัดเก็บข้อมูลบนอากาศ หรือ Cloud Storage จริง ๆ แล้วตอนนี้ก็ถือว่าปลอดภัยและไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะ Google Photos ที่ผู้ใช้งาน Android สามารถเก็บรูปได้แบบไม่จำกัด ทุกความละเอียด แต่สำหรับ iOS ยังจำกัดที่ความละเอียดแบบมาตรฐานอยู่ ซึ่งวิธีการใช้งานไม่ยุ่งยาก สำหรับ Android มีอยู่ในเครื่อง Folder Google หากไม่เจอ สามารถโหลดเพิ่มได้จาก Google Play Store ส่วน iOS เข้าไปที่ Apps Store แล้วค้นหาคำว่า Google Photos จะขึ้นมาทันที
หรือบางคนอาจจะเลือกวิธีที่ดีกว่าเช่นการซื้อ External Harddisk แบบ Cloud หรือใช้บริการที่เป็นลักษณะเดียวกันอันนี้ก็ถือว่าได้ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
ลบข้อมูล Catch Memory จากเครื่อง
บางคนอาจจะไม่รู้ว่าความจำส่วนหนึ่งที่เต็ม เกิดจากการเข้า เว็บไซต์ หรือโปรแกรมที่มีการใช้งาน Cache Memory ซึ่งในส่วนนี้เป็นความจำสำรองที่มักจะใช้และกินทั้ง RAM และความจำภายในตัวเครื่อง หากมีเยอะก็จะทำให้เครื่องอื่นได้ วิธีการจัดการสำหรับ Android ในระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ คุณสามารถเข้าไปที่ Setting (ตั้งค่า) > Memory > แล้วกดที่ Cache Memory ก็สามารถลบออกได้ แต่สำหรับ iOS อาจจะต้องยากนิดนึง เพราะต้องลบ Apps แล้วลงใหม่เลยครับ
หมายเหตุ ลบ Cache ได้ แต่อย่าลบ Data เพราะนั่นจะทำให้ข้อมูลของเรา หายสาบสูญไปตลอดกาล
iStock-528917900.jpg
ซื้อ USB Dual Drive ช่วยเก็บข้อมูลจากเครื่องที่ไม่ได้ใช้
สำหรับคนที่กลัวเรื่อง Cloud Storage ถึงขั้นไม่อยากใช้งาน การเลือก USB Dual Drive ที่มีหัวเสียบเหมือนมือถือทั้ง 2 ด้านมาใช้งานก็ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่น่านำมาใช้เพราะคุณสามารถเก็บรูปหรือข้อมูลที่ไม่ได้ใช้นานออกไปได้ ซึ่งทางเลือกของ Android มีทั้งแบบ Micro USB และ USB-C ส่วน iOS อุปกรณ์ส่วนนี้จะมีราคาสูงหน่อย ยังไงก็เลือกดูกันดี ๆ นะครับ
วางแผนการถ่ายรูปได้ยิ่งดี
การไปเที่ยวไหนแล้วถ่ายรูปเยอะ ๆ มันก็เป็นเรื่องความทรงจำดี ๆ ต่อทริปนั้น แต่ว่าการถ่ายรูปเยอะก็ไม่ค่อยส่งผลดีกับมือถือหรือความจำสักเท่าไหร่ ฉะนั้นเมื่อถ่ายเสร็จก่อนนำไปสำรองหรือเก็บไว้ในเครื่องควรเลือกรูปที่ใช้ได้ วางแผนการถ่าย จะทำให้ความจำของมือถือคุณเหลือเยอะขึ้นแน่นอน
Apps ไม่ใช้อย่าเสียดาย 
ปิดท้ายด้วยวิธีที่หลายคนเชื่อว่าไม่เคยจะทำเลย นั่นคือการ ลบ Apps ทิ้ง ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและเพิ่มความจำได้แน่นอน เพราะ Apps ที่ไม่ได้ใช้งานจะกินพื้นที่ในเครื่องและทำให้เวลาเราติดตั้งโปรแกรมใหม่มันอาจจะไม่พอใช้งาน ฉะนั้น โปรแกรม ไม่ใช่ ภาพ อย่าเสียดาย ออกแค่ลากไปที่คำว่า Uninstall หรือ ถอนการติดตั้ง หรือกดปุ่ม X ที่ icon เท่านี้ความจำก็ได้มหาศาลแบบง่าย ๆ ครับ

รู้หรือไม่? แสงสีฟ้าจากหน้าจอของสมาร์ทโฟนทำร้ายร่างกายของคุณอย่างไรบ้าง

รู้หรือไม่? แสงสีฟ้าจากหน้าจอของสมาร์ทโฟนทำร้ายร่างกายของคุณอย่างไรบ้าง

มาแล้วภาพ Huawei P10 หลุดโค้งสุดท้ายก่อนเปิดตัว

มาแล้วภาพ Huawei P10 หลุดโค้งสุดท้ายก่อนเปิดตัว
เมื่อวานมีภาพโปรโมทหลุดออกมาให้เห็น เช้าวันนี้ข่าวคร่าวของ  ยังคงแรงไม่หยุดครับเพราะล่าสุดนั้นเว็บไซต์ www.mobilissimo.ro ได้นำเสนอภาพหลุดชุดใหญ่ พร้อมทั้งระบุว่ามันคือ Huawei P10  สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุดที่จะเปิดตัวในวันที่ 26 นี้ในงาน Mobile World Congress 2017
untitled-5
สำหรับภาพชุดดังกล่าวที่สุุดออกมาเรียกได้ว่าเป็นพรีวิวเล็กๆ เลยก็ว่าได้ครับ เพราะถ่ายมาทุกมุม ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า, ด้านหลังตัวเครื่อง, ส่วนของกล้องที่บอกว่าใน P10 กล้องเป็นแบบกล้องคู่ รวมไปถึง พอร์ตการเชื่อมต่อ ต่างๆ รอบตัวเครื่อง

untitled-6
แม้ว่าภาพดังกล่าวจะยังไม่มีใครออกมายืนยันว่ามันเป็นของจริงหรือไม่? แต่นักวิเคราะห์หลายๆ เว็บให้ข้อมูลมาว่ามันน่าจะเป็น Huawei P10  ของจริง เอาเป็นว่าจะจริงหรือมั่ว 26 นี้รู้กันแน่นอนครับ
 ขอขอบคุณ
ภาพ : www.mobilissimo.ro

5 เหตุผลดี ๆ ที่ควร Restart มือถือทุกเช้า(ถ้าทำได้จะดีมาก)

5 เหตุผลดี ๆ ที่ควร Restart มือถือทุกเช้า(ถ้าทำได้จะดีมาก)
ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยปิดมือถือและเสียบชาร์จเวลานอน พอตื่นมาใช้ก็มีบางคนตั้งคำถามว่า Restart มือถือทุกเช้าทำไม วันนี้ทีมงาน Sanook! Hitech มีคำตอบเหล่านี้มาฝากกัน

ทำให้เครื่องเร็วขึ้น

เพราะการปิดเครื่อง หรือ การ Restart มือถือรวมถึงคอมพิวเตอร์จะเป็นการล้างความจำใน RAM ซึ่งเป็นส่วนที่คนใช้งานมากที่สุด ทำให้เมื่อเครื่องเปิดใหม่มา จะไม่มีโปรแกรม Load อยู่ทำให้การทำงานของเครื่องนั้นเร็วขึ้นได้ไม่ยากนัก
แต่สำหรับมือถือบางเครื่องที่มีโปรแกรมที่ทำงานตลอดเวลา และไม่ได้ใช้ก็ควรจะลบออกจะดีกว่า

เปิดการปิดโปรแกรมทั้งหมดโดยไม่ต้องล้างเครื่อง

สำหรับการใช้งานมือถือโปรแกรมมักจะเปิดอยู่หลายตัวทำให้เครื่องช้า ซึ่งทำให้หลายคนเข้าใจผิด กดปุ่มล้างเครื่องไป แต่สุดท้ายความจริงแค่ Restart ก็สามารถช่วยได้ระดับหนึ่ง ยกเว้นแค่โปรแกรมที่ปิดตัวเองไม่ได้เช่น Anti-Virus, หรือโปรแกรมกลุ่มของ Cleaner ให้เครื่องได้ตรวจสอบการทำงานใหม่
เมื่อ Restart เครื่องทุกครั้ง จะเป็นการที่ทำให้เครื่องตรวจสอบข้อบกพร่องของ Hardware ทำให้คุณสามารถรู้ได้ว่าเครื่องสามารถทำงานได้ปกติหรือไม่
iStock_73758071_SMALL.jpg

คืนพื้นที่เครื่องบางส่วน

เนื่องจากความจำใน RAM ของมือถือมักจะถูกใช้เรื่อย ๆเมื่อเครื่องเปิดตามโปรแกรมที่เปิดค้างไว้ การ Restart ก็สามารถคืนความจำส่วนนี้ได้หมด
กรณีนี้ยกเว้น Cache Memory ที่เกิดจากการใช้ Application ซึ่งต้องไปจัดการลบออกใน Setting (ตั้งค่า) > Application (แอปส์พลิเคชั่น) > เลือกโปรแกรมที่ต้องการ > Clear Cache (ล้างแคช)

เห็นหน้าตาบูทเครื่องเหมือนเริ่มต้นวันใหม่

บางครั้งเราอาจจะลืมไปแล้วว่าหน้าตาบูทเครื่องใหม่ตอนเครื่องเพิ่งเปิดนั้นเป็นอย่างไร นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่คุณสามารถเห็นได้ทันทีเมื่อกด Restart เครื่องใหม่
ขอขอบคุณ
ภาพ : istockphoto